วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เปรียบเทียบ Wiko Sunny กับ Wiko Lenny3

เปรียบเทียบ Wiko Sunny กับ Wiko Lenny3

ก่อนที่เราจะเริ่มต้นเปรียบเทียบเราต้องรู้จักสเปคคร่าวๆของ Wiko Lenny3 กับ Wiko Sunny กันก่อนน่ะครับ

  • สเปคของ Wiko Lenny3 
     -รองรับเครือข่าย 3G
     -รองรับ 2 ซิมการ์ด
     -จอแสดงผล IPS ให้มุมมองกว้างชัดเจน 178 องศา
     -ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล กว้าง 5 นิ้ว
     -ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow
     -ซีพียู 1.3GHz Quad Core
     -RAM 1GB
     -ความจุภายใน 8GB
     -การ์ดหน่วยความจำ microSD สูงสุด 64GB
     -กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
     -กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล
     -แบตเตอรี่ Li-ion 2,000mAh
  • สเปคของ Wiko Sunny
     -รองรับเครือข่าย 3G
     -รองรับ 2 ซิมการ์ด
     -จอแสดงผล 
TFT 24-bit (16 ล้านสี)
     -ความละเอียด 480 x 800 พิกเซล 
    -ซีพียู Cortex-A7 Quad Core ความเร็ว 1.3 GHz
     -RAM 512 MB
     -ความจุภายใน 8GB
     -การ์ดหน่วยความจำ microSD สูงสุด 64GB
     -กล้องหน้า VGA - 640 x 480
     -กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล
     -แบตเตอรี่ Li-ion 1,200 mAh (Standard Battery)

ดูแล้วน่ะครับ ก็ใช้ได้ทั้ง 2รุ่น น่ะครับขึ้นอยู่กับการใช้งานว่าเราจะนำไปใช้งานในรูปแบบไหนน่ะครับ แต่เราจะมาเปรียบเทียบคร่าวๆให้ดูกันน่ะครับสิ่งที่ผู้คนสนใจมากที่สุด

เราจะมาเริ่มต้นเปรียบเทียบกันเลยน่ะครับ


ความแตกต่างอันดับแรกเลยน่ะครับของ Smart Phone คือ ขนาดของตัวเครื่อง
 Wiko Lenny3 กับ Wiko Sunny 
ขนาดของตัวเครื่องน่ะครับ Wiko Lenny3 จะมีขนาดใหญ่กว่า Wiko Sunny ซึ่ง Wiko Lenny3 จะมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 5นิ้ว ส่วนของ Wiko Sunny จะมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 4 นิ้ว 


ความแตกต่าง อันดับ 2 เลยน่ะครับของ Smart Phone คือ ความละเอียดของจอภาพ
 Wiko Lenny3 กับ Wiko Sunny 
ความละเอียดของจอภาพ น่ะครับ Wiko Lenny 3 จะมีขนาดอยู่ที่ 1280 * 720 พิกเซล ซึ่งเป็นขนาด HD จะมีความคมชัดกว่า Wiko Sunny ซึ่ง Wiko Sunny มีขนาดอยู่ที่ 480 x 800 พิกเซล 




ความแตกต่าง อันดับ 3 เลยน่ะครับของ Smart Phone คือ กล้องหน้าและกล้องหลัง
ขนาดของกล้องหน้า และ กล้องหลัง ของ Wiko Lenny3 จะมีขนาดอยู่ที่ กล้องหน้า 5MP 
กล้องหลัง 8MP ส่วน Wiko Sunny จะมีขนาดอยู่ที่ กล้องหน้าVGA - 640 x 480 กล้องหลัง 5 MP
ซึ่งกล้องหลังจะเท่ากับกล้องข้างหน้าของ Lenny3 เลยทีเดียวครับ แล้วการรับแสงของกล้องจะแตกต่างกันไปด้วยครับ

สรุปความแตกต่างของ Wiko Lenny3 และ Wiko Sunny 
Wiko Sunny จะมีขนาดเล็กกว่า Wiko Lenny 3 มากอยู่พอสมควรน่ะครับ ความจุ และ หน่วยประมวผล Wiko Sunny จะน้อยกว่า Wiko Lenny3  คุณภาพขอจอภาพ Lenny3 จะมีความละเอียดกว่า Wiko Sunny มากพอสมควรน่ะครับ แต่ว่า หากหน้าจอมีความละเอียดสูงก็จะทำให้ แบตของเราลดเร็วด้วยน่ะครับส่วนเรื่องกล้องหน้าของ Wiko Sunny จะน้อยไปหน่อย ส่วนกล้องหลัง พอใช้ได้ น่ะครับ ส่วนของ
Wiko Lenny 3 ทั้งกล้องหน้าและหลังถือว่าปานกลางเลยครับ สรุปแล้วว่า ดั่งขั้นต้นที่ผมกล่าวไว้น่ะครับ
อยู่ที่การใช้งานน่ะครับว่าจะนำไปใช้งานในรูปแบบไหน ก็เลือกที่เหมาะสมกับการใช้งานกันเลยน่ะครับ
แต่ Brand Wiko ข้อดีเลยน่ะครับ ราคาของเค้าจะถูกน่ะครับสามารถหยิบต้องได้
ส่วนตัวผมก็แนะนำได้เพียงเท่านี้ครับ


เลือกซื้อสินค้าได้ที่ http://www.thaiphoneshop.com
บทความติดตามได้ที่ https://plus.google.com/115519826213249958703
ติดตามความเคลื่อนไหวของวงการ IT ตลอด 24 ช.ม. ได้ที่ https://www.facebook.com/ISACSEACON/
สำหรับลูกค้าท่านที่สนใจ เชิญทดสอบใช้งานได้ที่ ร้าน ISACSEACON ซีคอน บางแค ชั้น โซน IT ห้อง IT37 
ติดต่อได้ที่เบอร์ 08 8941 2499 LINE ID:isacseacon  
LINE QR CORD

เปรียบเทียบ Wiko U Feel กับ Wiko U Feel Lite


ความแตกต่างระหว่างทั้งสองรุ่น

                    วันนี้ผมจะมาพูดถึง Wiko  2 รุ่น ที่มาพร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือในราคาสุดประหยัด นั่นก็คือ Wiko U Feel ในราคา 5990 บาท และ Wiko U Feel Lite ราคา 4590 บาท โดยทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับ Android 6.0 Marhsmallow อีกด้วย 

               บอดี้ ที่ออกแบบมาแตกต่างกัน วัสดุที่ใช้ผลิตของ Wiko U Feel Liteจะเไม่ได้เป็นโลหะ U Feel แต่พลาสติกชุบอโนไดซ์ ให้เป็นแบบเงาๆคล้ายโลหะ และในของกระจกหน้าจอ U Feel กระจกกันรอย 2.5D (คือ กระจกกันแบบ ลบขอบไม่ให้คม)ส่วน U Feel Liteจะเป็นกระจก 2D  (คือ กระจกกันรอยๆทั่วไป ขอบจะคม)

เครดิต https://www.facebook.com/maximumscreenprotector/posts/685050444970803:0
ขอบคุณมากครับๆ

สเป็คที่ห่างกันโดยร่วม

  • Wiko U Feel / Wiko U Feel Lite
  • ราคา 5,990 บาท / ราคา 4,590 บาท
  • ROM 32GB, RAM 3GB / ROM 16GB RAM 2GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหลัง 8MP
  • แกนกลางเครื่องเป็นโลหะ / ฝาหลังเป็นโลหะ 


                       หน้าจอที่สองรุ่นผู้ผลิตให้มาเท่ากัน คือ 5 นิ้ว ความละเอียดอยู่ที่ 720 p เท่ากัน ส่วนที่ต่างกันอย่างชัดเจนก็จะมีในเรื่องของ ROM กับ RAM   ROM/RAM ของ U Feel จะให้มาที่  ROM 32 / RAM 3 ในขนาดที่น้องชายของเค้าเจ้า U Feel Lite เนี่ยก็ไม่ทิ้งห่างพี่ชายมาก ROM 16 / RAM 3
            
          
           ล้องทั้ง 2 รุ่นความละเอียดไม่เท่ากันก็จริง แต่ก็สามารถอัดวิดีโอได้ที่ความละเอียด Full HD เท่ากัน ส่วนกล้อง ก็มีความต่างกัน   U Feel กล้องหน้า 5 ล้าน กล้องหลัง 13 ล้าน  U Feel Lite กล้องหน้า 5 ล้าน กล้องหลัง 8 ล้าน  ส่วนหัวใจของสองพี่น้องคู่นี้นะครับ หรือ CPU QUAD CORE 1.3GHZ มาเท่ากันเลย อุ้ย!!!..ลืมบอกลเลยครับว่า Wiko U Feel - Wiko U Feel Lite เป็นตัวใหม่ล่าสุดเลยนะครับ Android 6.0 Marshmallow 
               
                    สรุปนะครับว่า.....เจ้าสองตัวนี้สเป็คไม่ทิ้งห่างกันมากนะครับ แต่อย่าลืมว่า RAM กับ ROM ก็มีส่วนที่จะทำให้เครื่องของเรานี้สามารถเล่นได้แรงและเร็วทันใจนะครับ  สำหรับท่านที่ชอบเปิด
แอพพลิเคชั่นที่ละเยอะๆผมแนะนำนะครับว่าให้ใช้ Wiko U Feel เพราะเค้ามี RAM มากกว่า 1GB อาจจะไม่เยอะมากกว่าเท่าไรนะครับแต่ว่าก็ยังดีกว่าไม่มีนะครับ ส่วน ROM บ้างคนอาจจะไม่เข้าใจว่าROM คืออ่าไร ROM คือที่เก็บข้อมูลภายในเครื่องโทรศัพท์หรือที่เก็บ รูปภาพที่ ท่านถ่าย วีดีโอแอพพลิเคชั่นต่างๆ เกม ที่ท่านโหลดมาไว้ในเครื่องเพื่อใช้งาน บางที่นะครับ 16 GB ก็ยังไม่เพียงพอนะครับสำหรับบ้างท่าน ก็เลยต้องไป ซื้อที่เก็บข้อมูลมาใส่เพิ่ม อ่ะ!!และ ROM ทำให้เครื่องช้าได้ไง คือ..ถ้าถ้าเราโหลดอ่าไรใส่เครื่องเราจนเต็มแล้วเนี้ยการเรียกข้อมูลต่างๆขึ้นมาใช้งานการทำงานของเครื่องก็จะทำงานหนักเกิดอาการเครื่องร้อนมันจะทำให้เรื่องเราช้าได้นะครับผม

เลือกซื้อสินค้าได้ที่ http://www.thaiphoneshop.com
บทความติดตามได้ที่ https://plus.google.com/115519826213249958703
ติดตามความเคลื่อนไหวของวงการ IT ตลอด 24 ช.ม. ได้ที่ https://www.facebook.com/ISACSEACON/
สำหรับลูกค้าท่านที่สนใจ เชิญทดสอบใช้งานได้ที่ ร้าน ISACSEACON ซีคอน บางแค ชั้น โซน IT ห้อง IT37 
ติดต่อได้ที่เบอร์ 08 8941 2499 LINE ID:isacseacon  
LINE QR CORD

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เปรียบเทียบ WIKO PULP FAB 4G กับ WIKO PULP


ความแตกต่างระหว่างทั้งสองรุ่น
                  หน้าจอต่างกัน WIKO PULP FAB 4G จะมีหน้าจอใหญ่กว่า WIKO PULP ซึง  PULP มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 5 นิ้ว ส่วน PULP FAB 4G มีขนาด 5.5 นิ้ว และในเรื่องของเครือข่าวที่รองรับ PULP FAB 4G สามารถรองรับ ตั้งแต่ 2G จนถึง 4G ส่วน PULP จะลองรับ 2G - 3G เท่านั้นเอง 
             ในส่วนของกล้องความละเอียดไม่ต่างกัน กล้องหลัง 13 ล้าน กล้องหน้า 5 ล้าน จะต่างกันแค่ Selfie Flash จะมีใน
PULP เท่านั้น ส่วน PULP FAB 4G จะไม่มีมา และในเรื่องของ สีของกล้อง PULP FAB 4G แสงของภาพจะสมจริงมากกว่า PULP
                PULP สีของภาพที่ได้จะสว่างกว่าสีจริงเล็กน้อย ถ้าถ่ายในที่แสงไม่พอน่าจะดีกว่า PULP FEB 4G  
              ส่วนของแถมภายในกล่อง PULP จะมีเคสกันกระแทกมาให้ 
แต่ PULP FAB 4G จะไม่มีแถมนอกนั้นมีเหมือกันหมด                                                   RAM กับ ROM เท่ากัน อยู่ที่ 16GB / 2GB  ในส่วนของ CPU ของ PULP FAB 4G จะเป็นของยี่ห้อที่นิยมใช้ในสมาร์ทโฟน ระดับ เทพๆ นั้นคือยี่ห้อ Snapdragon ความแรงที่ให้มา QUAD CORE 1.2 GHZ 4 แกนหัว 
             ในขนาดที่ CPUในตัวของ PULP นั้นจะใช้ CPU ยี่ห้อ MediaTek QUAD CORE 1.4 GHZ ที่มีแกนหัวของ CPU ถึง 8 แกนหัว
            สรุป....นะครับ ว่าการใช้งานขึ้นอยู่กับผู้ใช้ PULP FAB 4G สามารถนำไปใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะมีหน้าจอที่ใหญ่สามารถมองเห็นตัวหนังสื่อได้ง่ายกว่า PULP และยังสามาเล่น Social Networ ได้อย่างเมามันแน่นอน 
             PULP ธรรมดา ก็ไม่น้อยหน้า สเปคก็ไม่ทิ้งห่างเท่าไร แต่แค่หน้าจอเล็กกว่า ไม่รองรับ 4G แต่ขอโทษครับผมมีเคสแถมนะ แถม Selfie Flash ไปเที่ยวกับเพื่อนที่มืดๆ ก็ได้รูปสวยๆ สว่างๆ แน่นอนนะครับ 



เลือกซื้อสินค้าได้ที่ http://www.thaiphoneshop.com
บทความติดตามได้ที่ https://plus.google.com/115519826213249958703
ติดตามความเคลื่อนไหวของวงการ IT ตลอด 24 ช.ม. ได้ที่ https://www.facebook.com/ISACSEACON/
สำหรับลูกค้าท่านที่สนใจ เชิญทดสอบใช้งานได้ที่ ร้าน ISACSEACON ซีคอน บางแค ชั้น โซน IT ห้อง IT37 
ติดต่อได้ที่เบอร์ 08 8941 2499 LINE ID:isacseacon  
LINE QR CORD

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559

wiko lenny3



พร้อมแฟลช! แล้วหรือยัง?


จะกลางวันหรือกลางคืน ไม่ต้องสนใจ เพราะคุณจะได้ภาพถ่ายที่ดีแน่นอน ด้วยกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลชและออโต้โฟกัส สามารถปรับแต่งได้ดั่งกล้องมืออาชีพใน Professional Mode (ISO, สมดุลสีขาว, ความสว่าง, ความคมชัด, ความอิ่มตัวของแสง พร้อมเลือกตำแหน่งโฟกัสและวัดแสงได้ด้วยตัวเอง) จะลองถ่าย Panorama หรือ Night Shot ก็เจ๋งไม่ใช่เล่น ถ้ารักการถ่ายเซลฟี แน่นอน! เซลฟีด้วยกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลพร้อม Display Flash (แสงแฟลชจากหน้าจอ) หมดห่วงเมื่อเซลฟีในที่ที่มีแสงน้อย ช่วยให้ใบหน้าเนียนและกลมกลืน ต้องการเซลฟีกลุ่มใช่มั้ย? เซลฟีทั้งกลุ่มด้วย Wide Selfie Mode เซลฟีองศากว้าง...ง กว้างจนเพิ่มสัตว์เลี้ยงเข้าเฟรมอีกทั้งฝูงก็ไม่มีปัญหา!

ง่ายกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว


ความพิเศษยังไม่หมด! ภายในเครื่องยังมีฟีเจอร์จัดการพลังงานและแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อให้คุณใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด ในกรณีฉุกเฉิน แบตเตอรี่ของคุณจะเหลือน้อยเพียงใด แต่ยังสามารถใช้งานพื้นฐานได้ยาวนาน เช่น การโทร ข้อความ หรือหากคุณเป็นคนที่ขาดเสียงเพลงไม่ได้เลย แอพ My Music กับ UI ใหม่ตามแบบฉบับ Wiko จะทำให้การฟังเพลงโปรดเป็นเรื่องง่ายที่สุด

ปิดท้ายด้วยของหวาน


Marshmallow ขนมหวานแสนอร่อยเพื่อคุณโดยเฉพาะ! ด้วยระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ที่สำคัญ LENNY3 ยังให้มากกว่ากับหน่วยความจำภายในถึง 8 GB และเพิ่มได้มากสุดถึง 72 GB (เมื่อเพิ่ม Micro SD 64 GB) ให้เก็บข้อมูลสำคัญๆ ได้ครบถ้วน และยังรองรับซิมการ์ด 2 ซิมอีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://th-th.wikomobile.com/m1259-wiko


หลังจากมีการเปิดตัวมาสักระยะหนึ่งแล้วสำหรับ Android 6.0 Marshmallow และก็เพิ่งปล่อยอัพเดตอย่างเป็นทางการแล้ววันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา สำหรับสมาร์ทโฟนชุดแรกที่เค้าได้ปล่อยให้อัพเดตนั้นก็จะเป็นตระกูล Nexus ทั้งหลาย สำหรับคนที่ได้อัพเดตไปเรียบร้อยแล้วได้ลองเล่นฟีเจอร์ใหม่ๆบน Android 6.0 รึยังเอ่ย ถ้ายังเราลองไปเล่นฟีเจอร์ใหม่ๆ พร้อมกันเลยดีกว่า
Now on Tap เป็นฟีเจอร์ที่เรียกใช้งาน Google Now แบบง่ายๆ ชนิดที่เราไม่ต้องพิมพ์อะไรเลย โดย Google Now จะสแกนสิ่งที่อยู่บนหน้าจอของเรา แล้วเลือกเอาสิ่งที่เป็น keyword ไปค้าหาข้อมูลให้ทันที
วิธีการใช้งานก็ง่ายสุดๆ แค่กดปุ่ม home ค้างไว้ ก็สามารถใช้งานได้ โดยที่เราไม่ต้องออกจากแอปที่เรากำลังใช้งาน เมื่อ Now on Tap สแกนหน้าจอที่เรากำลังใช้งาน แล้ววิเคราะห์ว่าเราต้องการให้ระบบช่วยเหลืออะไร เช่น เรากำลังแชทกับเพื่อนแล้วคุยเรื่องนัดไปกินข้าวหรือเที่ยวที่ไหนสักที่ แล้วกดปุ่มโฮมค้างมันก็จะมีหน้าจอแสดงข้อมูลเกี่ยวกับร้านหรือสถานที่ที่เราพิมพ์คุยกันโผล่ขึ้นมา 
โดยจะมีรายละเอียดของสถานที่บน Google Maps, เบอร์โทรศัพท์ ข้อมูลสถานที่/รีวิวจาก Trip Advisor และ Foursquare หรือแม้แต่สร้างตารางนัดหมายวันเวลาที่คุยกันลงไปบน Calendar ได้ด้วย 

Smart Batteries พูดกันง่ายๆก็คือโหมดประหยัดพลังงานนั่นแหละ มันมาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่อย่าง Doze ที่ช่วยให้สมาร์ทโฟนเราประหยัดพลังงานมากกว่าโหมดประหยัดพลังงานแบบเดิมๆ โดยระบบจะจับการเคลื่อนไหวของสมาร์ทโฟน ถ้าระบบพบว่าสมาร์ทโฟนของเราไม่ได้มีการเคลื่อนไหวเลย มันก็จะคิดว่าเจ้าของเครื่องหลับอยู่หรือไม่ก็วางสมาร์ทโฟนทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งานอะไร จากนั้นระบบก็จะทำการลดการใช้พลังงานของสมาร์ทโฟนของเราลงหรือเข้าสู่ sleep mode แต่ก็ยังสามารถรับพวกการแจ้งเตือนต่างๆ ได้เหมือนเดิม
อีกหนึ่งฟังก์ชันที่มาคู่กันก็คือ App Standby มันจะทำงานโดยการตรวจสอบว่าแอปไหนที่ไม่ได้เปิดใช้งานเป็นเวลานานมากๆ ระบบก็จะลดความสำคัญลงและทำการปิดการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ รวมถึงการซิงค์แอปนั้นลงไป เพื่อไม่ให้เปลืองแบตนั่นเอง

Control & Security ฟีเจอร์เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยนี้ ช่วยให้ผู้ใช้งานกำหนดการเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ในสมาร์ทโฟนของตัวเองหรือกำหนดสิทธิ์ Permisson ในขณะที่เราเริ่มใช้แอปนั้นๆ แทนการอนุญาตตอนที่โหลดแอปจาก Play Store (เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยอ่านกัน กดติดตั้งไปเลย) โดยคำขอ App Permissions จะถูกทยอยขอสิทธิ์การเข้าถึงโดยแบ่งออกเป็นส่วนๆ ตามการใช้งานของเรา  เช่น เรากำลังใช้งานแอป Note แล้วแอปต้องการบันทึกเสียง การร้องของ Permissions ก็จะขึ้นมาทันทีว่าเราจะอนุญาตให้ใช้ไมโครโฟนในแอปนี้หรือไม่ โดยระบบจะมีการขอสิทธิ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ซึ่งกลุ่ม Permissions ที่จะขอสิทธิ์ในการเข้าถึงตอนเปิด App นั้นก็มี Location , Camera , Contacts , SMS , Microphone , Sensor และ Calendar เท่านั้น ซึ่งเราสามารถปฏิเสธ Permissions เหล่านี้ได้ในภายหลังด้วย ทำให้สมาร์ทโฟนที่ใช้ Android M แล้วนั้นจะมีความปลอดภัยมากขึ้น
นอกจากนั้นใน Android M ยังรองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ใช้งานแอปต่างๆ โดยการสแกนลายนิ้วมือ แทนการใช้พาสเวิร์ดนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อแอปและสินค้าต่างๆ ใน Play Store รวมถึงการจ่ายเงินบน Android Pay อีกด้วย 
นี่คือฟีเจอร์ที่เป็นไฮไลท์หลักๆ ของ Android 6.0 Marshmallow เท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วฟีเจอร์ใหม่บน Marshmallow ไม่ได้มีแค่นี้นะคะ แต่ยังมีอีกกว่า 30 ฟีเจอร์ เอาไว้เดี๋ยวมาจะสรุปไล่เรียงให้อ่านกันอีกทีนึงค่า
ขอบคุณข้อมูลจาก http://droidsans.com/new-features-on-android-marshmallow


วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559

wiko sunny




ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.mxphone.net/131212-mediatek-quad-a7-initial-benchmark-test/mediatek-initial-test/
หลังจากมีการเปิดตัวมาสักระยะหนึ่งแล้วสำหรับ Android 6.0 Marshmallow และก็เพิ่งปล่อยอัพเดตอย่างเป็นทางการแล้ววันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา สำหรับสมาร์ทโฟนชุดแรกที่เค้าได้ปล่อยให้อัพเดตนั้นก็จะเป็นตระกูล Nexus ทั้งหลาย สำหรับคนที่ได้อัพเดตไปเรียบร้อยแล้วได้ลองเล่นฟีเจอร์ใหม่ๆบน Android 6.0 รึยังเอ่ย ถ้ายังเราลองไปเล่นฟีเจอร์ใหม่ๆ พร้อมกันเลยดีกว่า
Now on Tap เป็นฟีเจอร์ที่เรียกใช้งาน Google Now แบบง่ายๆ ชนิดที่เราไม่ต้องพิมพ์อะไรเลย โดย Google Now จะสแกนสิ่งที่อยู่บนหน้าจอของเรา แล้วเลือกเอาสิ่งที่เป็น keyword ไปค้าหาข้อมูลให้ทันที
วิธีการใช้งานก็ง่ายสุดๆ แค่กดปุ่ม home ค้างไว้ ก็สามารถใช้งานได้ โดยที่เราไม่ต้องออกจากแอปที่เรากำลังใช้งาน เมื่อ Now on Tap สแกนหน้าจอที่เรากำลังใช้งาน แล้ววิเคราะห์ว่าเราต้องการให้ระบบช่วยเหลืออะไร เช่น เรากำลังแชทกับเพื่อนแล้วคุยเรื่องนัดไปกินข้าวหรือเที่ยวที่ไหนสักที่ แล้วกดปุ่มโฮมค้างมันก็จะมีหน้าจอแสดงข้อมูลเกี่ยวกับร้านหรือสถานที่ที่เราพิมพ์คุยกันโผล่ขึ้นมา 
โดยจะมีรายละเอียดของสถานที่บน Google Maps, เบอร์โทรศัพท์ ข้อมูลสถานที่/รีวิวจาก Trip Advisor และ Foursquare หรือแม้แต่สร้างตารางนัดหมายวันเวลาที่คุยกันลงไปบน Calendar ได้ด้วย 

Smart Batteries พูดกันง่ายๆก็คือโหมดประหยัดพลังงานนั่นแหละ มันมาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่อย่าง Doze ที่ช่วยให้สมาร์ทโฟนเราประหยัดพลังงานมากกว่าโหมดประหยัดพลังงานแบบเดิมๆ โดยระบบจะจับการเคลื่อนไหวของสมาร์ทโฟน ถ้าระบบพบว่าสมาร์ทโฟนของเราไม่ได้มีการเคลื่อนไหวเลย มันก็จะคิดว่าเจ้าของเครื่องหลับอยู่หรือไม่ก็วางสมาร์ทโฟนทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งานอะไร จากนั้นระบบก็จะทำการลดการใช้พลังงานของสมาร์ทโฟนของเราลงหรือเข้าสู่ sleep mode แต่ก็ยังสามารถรับพวกการแจ้งเตือนต่างๆ ได้เหมือนเดิม
อีกหนึ่งฟังก์ชันที่มาคู่กันก็คือ App Standby มันจะทำงานโดยการตรวจสอบว่าแอปไหนที่ไม่ได้เปิดใช้งานเป็นเวลานานมากๆ ระบบก็จะลดความสำคัญลงและทำการปิดการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ รวมถึงการซิงค์แอปนั้นลงไป เพื่อไม่ให้เปลืองแบตนั่นเอง

Control & Security ฟีเจอร์เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยนี้ ช่วยให้ผู้ใช้งานกำหนดการเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ในสมาร์ทโฟนของตัวเองหรือกำหนดสิทธิ์ Permisson ในขณะที่เราเริ่มใช้แอปนั้นๆ แทนการอนุญาตตอนที่โหลดแอปจาก Play Store (เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยอ่านกัน กดติดตั้งไปเลย) โดยคำขอ App Permissions จะถูกทยอยขอสิทธิ์การเข้าถึงโดยแบ่งออกเป็นส่วนๆ ตามการใช้งานของเรา  เช่น เรากำลังใช้งานแอป Note แล้วแอปต้องการบันทึกเสียง การร้องของ Permissions ก็จะขึ้นมาทันทีว่าเราจะอนุญาตให้ใช้ไมโครโฟนในแอปนี้หรือไม่ โดยระบบจะมีการขอสิทธิ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ซึ่งกลุ่ม Permissions ที่จะขอสิทธิ์ในการเข้าถึงตอนเปิด App นั้นก็มี Location , Camera , Contacts , SMS , Microphone , Sensor และ Calendar เท่านั้น ซึ่งเราสามารถปฏิเสธ Permissions เหล่านี้ได้ในภายหลังด้วย ทำให้สมาร์ทโฟนที่ใช้ Android M แล้วนั้นจะมีความปลอดภัยมากขึ้น
นอกจากนั้นใน Android M ยังรองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ใช้งานแอปต่างๆ โดยการสแกนลายนิ้วมือ แทนการใช้พาสเวิร์ดนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อแอปและสินค้าต่างๆ ใน Play Store รวมถึงการจ่ายเงินบน Android Pay อีกด้วย 
นี่คือฟีเจอร์ที่เป็นไฮไลท์หลักๆ ของ Android 6.0 Marshmallow เท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วฟีเจอร์ใหม่บน Marshmallow ไม่ได้มีแค่นี้นะคะ แต่ยังมีอีกกว่า 30 ฟีเจอร์ เอาไว้เดี๋ยวมาจะสรุปไล่เรียงให้อ่านกันอีกทีนึงค่า
ขอบคุณข้อมูลจาก http://droidsans.com/new-features-on-android-marshmallow